You are currently viewing แววตาใสๆ ของเด็กๆดีใจ ที่จะมีข้าวกินให้อิ่มท้อง

แววตาใสๆ ของเด็กๆดีใจ ที่จะมีข้าวกินให้อิ่มท้อง

  • Post author:
  • Post last modified:1 มีนาคม 2017

รุ่งเช้าของวันพุธ อากาศเย็นพอสมควร ประมาณ 15 – 20 องศา พวกเรา(ทีมงานโครงการเยียวยาโรฮิงญา มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ) ขึ้นรถตู้ที่เช่าไว้ เพื่อออกเดินทางจากที่พักเมืองซิเตว่มุ่งหน้าสู่เมืองมเย๊าก์อู ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร เส้นทางถนนบางช่วงบางตอนกำลังก่อสร้าง ถนนขรุขระมาก ทำให้พวกเราใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ

หมู่บ้านแรกที่พวกเราแวะ สำรวจความเดือดร้อนคือหมู่บ้านในเมืองเจ๊าก์ต่อ มีจำนวนประชากรประมาณ 1,500 คน ซึ่งเป็นเมืองที่เราต้องผ่านเป็นอันดับแรก และเป็นหมู่บ้านมุสลิมหมู่เพียงหมู่บ้านเดียวเท่านั้น พวกเราพบกับผู้ใหญ่บ้านมูฮัมหมัด และเพื่อนๆของเขา พวกเขาได้เล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้เราฟัง หลังจากที่ไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว อะไรอะไรเปลี่ยนไปมาก ตัวผู้ใหญ่บ้านเองแต่ก่อนเคยได้บัตรประชาชนพม่า เต็มขั้นที่มีสีชมพู แต่เมื่อช่วงกลางปี 2016 ทางการยะไข่ได้เรียกคืนบัตรประชาชนและออกบัตรให้ใหม่ ครั้งนี้ทางการได้ลดสิทธิลงเหลือเพียงบัตรคนต่างด้าว ส่วนสถานการณ์อื่นยังเหมือนเดิม กล่าวคือ คนในหมู่บ้านทั้งเด็กเล็ก ทั้งผู้ใหญ่ไม่สามารถเดินทางออกไปไหนมาไหนได้ตามปกติ ยังถูกจำกัดให้อยู่เฉพาะพื้นที่ในหมู่บ้านเท่านั้น หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ได้ตกลงมอบข้าวสารจำนวน 300 กระสอบแต่ผู้ใหญ่ต้องใช้เวลารวบรวมข้าวสาร 5-6 วันจึงจะครบตามจำนวน เมื่อได้ครบตามจำนวนแล้วพวกเราก็จะเดินทางมาแจกอีกรอบหนึ่ง

ขึ้นรถต่อไปประมาณอีก 2 ชม. พวกเราก็มาถึงเมืองมเย๊าก์อู (มะรัคอู) อดีตเมืองหลวง อาระกัน แต่ก่อนเคยมีกษัตริย์รุ่งเรืองมาก ปัจจุบันยังเห็นความยิ่งใหญ่ได้จากเจดีย์โบราณขนาดใหญ่ และสิ่งก่อสร้างพระราชวังที่โอ่อ่าทีเดียว (วันหลังจะเก็บภาพมาฝาก) พวกเราเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านชานเต่า ห่างจากมเย๊าก์อูประมาณ 20 กิโลเมตร พบกับเออุบัยดุลลอฮ์ และทีมงาน สำรวจความเดือดร้อน รายชื่อคนยากจนรอบหมู่บ้าน ที่มีประมาณ 1,700 คน เราตกลงมอบข้าวสารจำนวน 300 กระสอบให้หมู่บ้านไป๊กแต่ และ 200 ให้กับกระสอบหมู่บ้านชานเต่า

ไม่ไกลจากหมู่บ้านชานเต่าเท่าไหร่ เราเดินทางมาดูโรงสีที่ผลิตข้าวสาร และบรรจุกระสอบที่จะแจกจ่ายกับให้ชาวบ้าน โรงสีที่เรามาดูนั้นเป็นโรงสีประจำหมู่บ้าน ต้องใช้เวลาประมาณ 2 วันจึงจะแล้วเสร็จสำหรับข้าวสาร 500 กระสอบ

ใกล้พลบค่ำเราจึงเดินทางกลับที่พักในเมืองมเย๊าก์อู วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปสำรวจหมู่บ้านเอ่าง์ได เป็นลำดับต่อไป

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560
#ขุนคมคำ