แถลงการณ์มูลนิธิโครงการมุสลิมโรฮิงยา

มุสลิมไทยร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมให้โรฮิงยา

กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติและองค์กรเครือข่าย พร้อมด้วยชาวโรฮิงยาในประเทศไทยร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลพม่ายุติการใช้ความ รุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐอาระกัน (ยะไข่) พร้อมขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลทั้งสองฝ่าย และขอให้บังกลาเทศเปิดพรมแดนให้ชาวโรฮิงยาเข้าลี้ภัย

เมื่อเช้าวานนี้ สมาชิกของกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ และมุสลิมในประเทศไทยประมาณ 200 คน และชาวโรฮิงยาในไทยอีก 100 คนเดินทางไปรวมตัวด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตพม่า ประจำประเทศไทย ถ.สาทร เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวโรฮิงยา ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในรัฐอาระกันขณะนี้

ในระหว่างการรวมตัวนั้น ประธานสมาคมชาวโรฮิงยาในประเทศไทยขึ้นกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้สื่อมวลชลมีอิสระในการเข้าไปทำข่าว ขณะที่นักวิชาการของกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติขึ้นกล่าวปราศรัย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเล่าถึงความเป็นมาของเหตุการณ์ การใช้ความรุนแรงต่อชาวโรฮิงยา และการที่ทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง

เชคริฏอ อะห์หมัด สมะดี ประธานกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติกล่าวตอนหนึ่งในการปราศรัยว่า การใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่ใช่การกระทำของคนที่มีศาสนา ซึ่งหากเป็นขาวพุทธที่แท้จริงแล้ว จะต้องยึดหลักธรรมมะในการห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างเคร่งครัด ส่วนคนที่ก่อเหตุความรุนแรงในครั้งนี้ไม่ใช่ชาวพุทธแน่นอน

นอกจากนี้กอซิม ปาทานลูกหลานชาวโรฮิงยาเล่าถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขี้นในรัฐอาระกัน โดยระบุว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา พี่น้องโรฮิงยาในพม่าไม่สามารถละหมาดวันศุกร์ได้ เนื่องจากมีการข่มขู่ว่าหากรวมตัวกันแล้วจะถูกฆ่า จะถูกทำร้าย ซึ่งเขายังเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าหยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงยา

ขณะที่อาจารย์มุรีด ทิมะเสน นักวิชาการของกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติอ่านแถลงการณ์โดยเริ่มจากความเป็นมาของ เหตุการณ์ และกล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังจากกระแสข่าวลือเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีจากกลุ่มชาวยะไข่ และทหารของรัฐบาล ทั้งนี้แถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม และขอให้รัฐบาลบังกลาเทศเปิดพรมแดน รวมถึงให้นานาประเทศเข้าไปสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้ ปล่อยเสียงอ่านแถลงการณ์

ทั้งนี้ตัวแทนของกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติประสานงานผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทยลงมารับแถลงการณ์ของกลุ่ม อย่างไรก็ตามทางสถานทูตฯ แจ้งผ่านตำรวจว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่พม่าลงมารับเอกสารแต่อย่างใด แต่จะส่งเจ้าหน้าที่คนไทยมาแทน ซึ่งทางกลุ่มยืนยันจะมอบแถลงการณ์ให้เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตชาวพม่า เท่านั้น

กลุ่มมุสลิมที่มาร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมในครั้งนี้ ยังร่วมกันเผารูปของประธานาธิบดีเต็ง เส่งของพม่า เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของรัฐบาลทหารที่ใช้ความรุนแรงในการปราบ ปรามประชาชน และต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตชาวพม่าไม่ออกมารับแถลงการณ์ ซึ่งตลอดเวลาการรวมตัวประท้วงเกือบ 2 ชั่วโมง มุสลิมที่มาร่วมตัวประกาศคำว่า “อัลลอฮุอักบัร” ตลอดเวลา

ภายหลังเสร็จสิ้นการเรียกร้องความเป็นธรรม ชาวมุสลิมในไทยแสดงความรู้สึกต่อมุสลิมโรฮิงยาด้วยการเข้าไปสลาม และสวมกอด เพื่อแสดงความเสียใจ และขอมอัฟในความบกพร่องต่อการช่วยเหลือต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการแสดงความเป็นพี่น้องในครั้งนี้ ทำให้ชาวโรฮิงยาบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา

ทั้งนี้รองประธานสมาคโรฮิงยาในประเทศไทยได้กล่าวขอบคุณชาวมุสลิมในไทย ที่ได้ร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมในครั้งนี้ และขออัลลอฮได้ตอนแทนในการช่วยเหลือในครั้งนี้ อีกทั้งยังเรียกร้องให้สื่อมวลชนเข้าไปนำเสนอความจริงของเหตุการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่เขาอยากให้นำมาเปิดเผย