185 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กทม, Thailand 10240 [email protected]
อ.อับดุลลอฮฺ อับดุลลาห์ ประธานมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติศูนย์ประสานงานสาขาภูเก็ต หรือ มมส. ร่วมหารือวางแนวทางการช่วยเหลือโรฮิงญาระยะยาว กับทนายฮานีฟ หยงสตาร์เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ที่จังหวัดภูเก็ต นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การอพยพครั้งยิ่งใหญ่ของชาวโรฮิงญา จากรัฐอาระกัน ประเทศเมียนมา ผ่านประเทศไทยแถบทะเลอันดามันนั้น หน่วยงานหรือองค์กรแรกๆที่เข้ามาช่วยเหลือ คือ มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ มาดูแลชาวโรฮิงญา ทั้งด้านสิทธิมนุษย์ชนและกฎหมาย ตลอด3ปีที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้ อ.อับดุลลอฮฺ อับดุลลาห์ ประธานมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติศูนย์ประสานงานสาขาภูเก็ต หรือ มมส. ได้กล่าวว่า การเข้าช่วยเหลือชาวโรฮิงญาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มมส. ตระหนักเสมอว่า นี่คือภารกิจที่มุสลิมจำเป็นต้องช่วยเหลือเพราะกลุ่มชนเหล่านี้ คือพี่น้องเรา แต่การช่วยเหลือย่อมจะต้องอาศัยกฎหมายของบ้านเมืองเข้าที่มีเข้าไปช่วย จะต้องไปดูว่าในด้านสิทธิมนุษย์ชนนั้นมีกฎหมายอะไรรองรับ แต่หลายๆกรณีที่ผ่านมานั้นชาวโรฮิงญาจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้นการทำงานจะต้องรวดเร็ว ละเอียด และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมา มมส.พลักดันผู้อพยพชาวโรฮิงญาให้อยุ่ในสถานะผู้ได้รับผลกระทบจากการค้ามนุษย์มาแล้วหลายกรณี ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยุ่ของชาวโรฮิงญาจะดีขึ้น ไม่ต้องไปอยู่ในห้องที่มีลูกกรงล้อมรอบแคบๆของ ตม. ส่วนด้านสิทธิมนุษย์ธรรม มมส.ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้มาก และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้เข้ามาสร้างกิจกรรมเพื่อให้ชาวโรฮิงญารู้สึกเหมือนมีผู้ที่ดูแลพวกเขา เช่นการเลี้ยงอาหารในเดือนรอมาฎอน การละหมาดตะรอเวี๊ยะ การจัดวันอีด จัดหาอาหารที่เป็นอัตลักษณ์ของชาวโรฮิงญาให้ได้รัปประธาน และการสอนศาสนาเพื่อเพิ่มความรู้แก่ชาโรฮิงญาอีกด้วย ด้านทนายฮานีฟ หยงสตาร์ เลขาธิการ มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ได้ให้ข้อมูลถึงนโยบายการขับเคลื่อนของ มมส.ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ว่า ปัจจุบันนั้น มมส.ได้ติดตามการเป็นอยู่ของชาวโรฮิงญาไม่ว่าจะเป็นทั้งในและต่างประเทศ อย่างล่าสุดที่ทาง มมส.ได้ไปติดตามที่ มาเลเซีย อินโดนีเชีย บังคลาเทศและเมียนมา ส่วนในอนาคตอันใกล้ มมส.จะเชิญองค์กรและหน่วยงานในสิทธิมนุษย์ชนทั่วโลกมาร่วมกันประชุมเพื่อผลักดันให้กรณีของชาวโรฮิงญาเป็นวาระของสังคมโลกที่จะต้องหันมาเอาจริงเองจัง แก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้นโลกจะต้องจารึกเป็นประวัติศาสตร์ว่า คนทั้งโลกได้นิ่งเฉยดูดายการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวโรฮิงญา แบบต่อหน้าต่อตาอย่างแน่นอน #ดาริส เส็นธนู
โลกจะไม่นิ่งเฉยต่อโรฮิงญา
อ.อับดุลลอฮฺ อับดุลลาห์ ประธานมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติศูนย์ประสานงานสาขาภูเก็ต หรือ มมส. ร่วมหารือวางแนวทางการช่วยเหลือโรฮิงญาระยะยาว กับทนายฮานีฟ หยงสตาร์เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ที่จังหวัดภูเก็ต
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การอพยพครั้งยิ่งใหญ่ของชาวโรฮิงญา จากรัฐอาระกัน ประเทศเมียนมา ผ่านประเทศไทยแถบทะเลอันดามันนั้น หน่วยงานหรือองค์กรแรกๆที่เข้ามาช่วยเหลือ คือ มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ มาดูแลชาวโรฮิงญา ทั้งด้านสิทธิมนุษย์ชนและกฎหมาย ตลอด3ปีที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้
อ.อับดุลลอฮฺ อับดุลลาห์ ประธานมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติศูนย์ประสานงานสาขาภูเก็ต หรือ มมส. ได้กล่าวว่า การเข้าช่วยเหลือชาวโรฮิงญาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มมส. ตระหนักเสมอว่า นี่คือภารกิจที่มุสลิมจำเป็นต้องช่วยเหลือเพราะกลุ่มชนเหล่านี้ คือพี่น้องเรา แต่การช่วยเหลือย่อมจะต้องอาศัยกฎหมายของบ้านเมืองเข้าที่มีเข้าไปช่วย จะต้องไปดูว่าในด้านสิทธิมนุษย์ชนนั้นมีกฎหมายอะไรรองรับ แต่หลายๆกรณีที่ผ่านมานั้นชาวโรฮิงญาจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้นการทำงานจะต้องรวดเร็ว ละเอียด และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมา มมส.พลักดันผู้อพยพชาวโรฮิงญาให้อยุ่ในสถานะผู้ได้รับผลกระทบจากการค้ามนุษย์มาแล้วหลายกรณี ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยุ่ของชาวโรฮิงญาจะดีขึ้น ไม่ต้องไปอยู่ในห้องที่มีลูกกรงล้อมรอบแคบๆของ ตม. ส่วนด้านสิทธิมนุษย์ธรรม มมส.ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้มาก และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้เข้ามาสร้างกิจกรรมเพื่อให้ชาวโรฮิงญารู้สึกเหมือนมีผู้ที่ดูแลพวกเขา เช่นการเลี้ยงอาหารในเดือนรอมาฎอน การละหมาดตะรอเวี๊ยะ การจัดวันอีด จัดหาอาหารที่เป็นอัตลักษณ์ของชาวโรฮิงญาให้ได้รัปประธาน และการสอนศาสนาเพื่อเพิ่มความรู้แก่ชาโรฮิงญาอีกด้วย
ด้านทนายฮานีฟ หยงสตาร์ เลขาธิการ มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ได้ให้ข้อมูลถึงนโยบายการขับเคลื่อนของ มมส.ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ว่า ปัจจุบันนั้น มมส.ได้ติดตามการเป็นอยู่ของชาวโรฮิงญาไม่ว่าจะเป็นทั้งในและต่างประเทศ อย่างล่าสุดที่ทาง มมส.ได้ไปติดตามที่ มาเลเซีย อินโดนีเชีย บังคลาเทศและเมียนมา ส่วนในอนาคตอันใกล้ มมส.จะเชิญองค์กรและหน่วยงานในสิทธิมนุษย์ชนทั่วโลกมาร่วมกันประชุมเพื่อผลักดันให้กรณีของชาวโรฮิงญาเป็นวาระของสังคมโลกที่จะต้องหันมาเอาจริงเองจัง แก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้นโลกจะต้องจารึกเป็นประวัติศาสตร์ว่า คนทั้งโลกได้นิ่งเฉยดูดายการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวโรฮิงญา แบบต่อหน้าต่อตาอย่างแน่นอน
#ดาริส เส็นธนู
หมวดหมู่
คลังเก็บ
นิยาม
Categories
Recent Posts
4 ประเด็น จากปัญหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปนเปื้อนส่วนประกอบยาฆ่าแมลง
12 ตุลาคม 2022มมส.ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย ณ ชุมชนมัสยิดสวนพลู
16 ธันวาคม 2021ประมวลภาพลงพื้นที่ น้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี
6 ธันวาคม 2020Calendar