กิจกรรมมูลนิธิโครงการมุสลิมโรฮิงยา

ร่ำไห้!!! เมื่อพบทีมงานมมส.ประเทศไทย มาช่วยเหลือโรฮิงญา ณ บังคลาเทศ

“สถานการณ์เสี่ยง” ต้องอาศัยเวลากลางคืนเดินเท้ากว่า5กิโลไปหาผู้อพยพ
31ธันวาคม2559 ภารกิจโครงการเยียวยาโรฮิงญา มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ณ บังคลาเทศ ต้องระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากการช่วยเหลือผู้อพยพโรฮิงญาที่มาจากฝั่งพม่านั้น ทางการบังคลาเทศถือว่าพวกเขาเข้าเมืองผิดกฎหมายเช่นกัน ฉะนั้นการอยู่อาศัยของผู้อพยพจึงต้องหลบซ่อนตัวมิให้ทางการทราบ
ดังนั้นทีมงานจึงใช้เวลาช่วงกลางคืนหลังอีชา19:00น.(เวลาบังคลาเทศ) เดินทางไปพบปะผู้อพยพ ในตัวเมืองตั๊กนาฟ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของจนท.และปชช. การเดินทางค่อนข้างลำบากเพราะต้องเดินเท้าผ่านซอยต่างๆ ระยะทางไปกลับกว่า5กิโลเมตร
นพ.อิระฟาน หะยีอีแต ปธ.มมส.3จว. นพ.อมีน สะอิดี และพญ.อารีนา สะอีดี ทีมงาน มมส. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงถึงบ้านเช่าแห่งหนึ่งที่ทีมงาน มมส.ประเทศบังคลาเทศเช่าไว้เป็นที่ทำการชั่วคราวมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ สำหรับตรวจรักษาโรค และแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือ
ภายในที่ทำการชั่วคราวมมส. ทีมงานได้พบกับ นายนูรซาลามกับภรรยาและลูกจำนวน 8 คน และครอบครัวของญาติอีกจำนวน7-8 คน ซึ่งพวกเขาเพิ่งจะอพยพมาจากหมู่บ้ายไจ้กโยปิ่น เมืองมองดอ รัฐยะไข่ประเทศพม่ามาเมืองตั๊กนาฟ ประเทศบังคลาเทศได้เพียง 10 วัน ทีมงานได้พบปะพูดคุยกับครอบครัวผู้อพยพและพญ.อารีนา ได้ตรวจคนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์ 1 ราย และตรวจดูอาการทั่วไป
นายนูรซาลาม เล่าให้ฟังว่า ตนกับภรรยามีลูก 7 คน อยู่ที่มองดอ พม่า ประกอบอาชีพค้าขาย ที่ตัดสินใจอพยพข้ามมาบังคลาเทศ เพราะทางการพม่ากดดันหนักทหาร ตำรวจ เข้ามาทำลายร้านค้า ยัดข้อหา และฆ่าลูกสาวคนเล็กของพวกเราระหว่างบุกตรวจค้น
เฉพาะในที่ทำการชั่วคราวมมส. ณ บังคลาเทศ ทีมงานวางแผนจะแจกสิ่งของช่วยเหลือ จำนวน 40 ครอบครัว หรือประมาณ 300 คน ได้แก่ ข้าวสาร 40 กระสอบ ผ้าห่ม 200 ผืน เสื่อ 200 ผืน ผ้าใบไม้ไผ่สร้างบ้านชั่วคราวสำหรับ 40 ครอบครัว ยาสามัญประจำบ้าน และของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ภารกิจต่อไปจะเดินทางไปช่วยเหลือผู้อพยพที่หลบซ่อนตัวในแค้มป์ผู้อพยพด้วย

#ขุนคมคำ รายงานจากบังคลาเทศ